Hello

เวลามันสั้นนัก! comment...

วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ข้อดีของผ้าขี้ริ้ว


1. ยอมสกปรกเพื่อให้สิ่งอื่นสะอาด เสน่ห์ของคนอยู่ที่ยอมลำบากเพื่อให้ผู้อื่นเป็นสุข เช่น พ่อแม่ยอมเหนื่อยลูกหลานสุขสบาย

2. ดูดซับความสกปรกได้ แต่ก็สลัดคราบสกปรกออกจากตัวได้ตลอดเวลา เสน่ห์ของคนอยู่ที่รู้ตัวเองว่าสกปรก ถึงเวลาต้องชำระล้างแล้ว มิใช่อมความสกปรกไว้ แล้วแกล้งบอกว่าตนเองสะอาด

3. แม้นว่าเป็นผ้าที่ไม่มีราคา แต่ก็มีคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ได้ เหมือนคนที่พยายามทำตนเองให้มีคุณค่าด้วยการทำงานทำตน เป็นประโยชน์ให้มีค่า ไม่งอมืองอเท้า น้อยเนื้อต่ำใจในวาสนา ชะตาชีวิต

4. แม้นจะถูกมองว่าเป็นผ้าขี้ริ้ว แต่ก็ไม่ทำตัวให้ขี้เหร่ เหมือนคนที่รู้ตนเองว่า มีคนกำลังปรามาสสบประมาทจะต้องตั้งใจเอาชนะอุปสรรคตรงนั้นให้ได้ ไม่พ่ายแพ้ตามคำปรามาสของคนอื่น รู้ตัวตลอดว่ากำลังทำอะไรและให้มีกำลังใจในสิ่งนั้น ที่สำคัญคือมองหาความสำคัญจากสิ่งที่คนมองไม่เห็นว่าสำคัญอย่างไรให้ได้ คือสามารถมองเห็นคุณค่าจากสิ่งที่คนทั้งหลายมองว่าไร้ค่า.......

**** ลองสำรวจคุณค่าในตัวคุณ ๆ แล้วรึยัง ****

จำไว้ว่า

สิ่งที่ถูกต้องไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่นิยมปฎิบัติ และสิ่งที่เป็นที่นิยม ไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอไป

ทุกๆคนสามารถทำสิ่งผิดพลาดได้ และนั่นคือเหตุผลที่เขาใส่ยางลบไว้ที่ปลายของดินสอ

Silent Road


ทำไมเวลาที่ฝนตกเรามักจะคิดถึงคนที่เรารัก เราผูกพันและบางครั้งก็รู้สึกเหงาด้วยเมื่อก่อน ท้องฟ้า แผ่นดิน และผืนน้ำเป็นเพื่อนรักกันทั้งสามอยู่ใกล้ชิดกัน จนกระทั้งโลกได้กำเนิดพืชและสัตว์ขึ้นแผ่นดินและผืนน้ำก็มัวแต่ดูแลเอาใจใส่พืชและสัตว์จนละเลยและไม่สนใจท้องฟ้า ท้องฟ้าเริ่มน้อยใจและถอยตัวห่างออกไป ออกไป ห่างออกไปทุกที ทุกทีจนถึงวันที่มีนกน้อยตัวแรกออกโบยบินแผ่นดินและผืนน้ำจึงได้รู้ว่าท้องฟ้าได้จากไปไกลแสนไกลแผ่นดินและผืนน้ำพยายามส่งเสียงเรียกท้องฟ้าแต่ท้องฟ้าอยู่ไกลมาก เลยไม่ได้ยินนกตัวนั้นจึงอาสาที่จะไปบอกท้องฟ้านกก็บินขึ้นสูง สูงขึ้น สูงขึ้น และส่งเสียงเรียกแต่เสียงนกนั้นเบาเกินไป ไปไม่ถึงท้องฟ้าแต่นกก็สัญยาว่าต่อไปนี้นกทุกตัวจะบินขึ้นสูงสู่ท้องฟ้า เพื่อนำข่าวจากแผ่นดินและผืนน้ำไปบอกแผ่นดินและผืนน้ำรู้สึกเศร้าใจที่เพื่อนห่างออกไปไกลและคิดถึงเพื่อนเหลือเกินผืนน้ำพยายามที่จะม้วนตัวเป็นเกลียวคลื่นครั้งแล้วครั้งเล่าแผ่นดินพยายามยกตัวสูงจนตั้งตระหง่านแต่นั้นก็ยังสูงไม่พอ ยังไม่ใกล้ท้องฟ้าพระอาทิตย์ซึ่งเฝ้าดูมาตลอดก็บอกกับทั้งสองว่า " เราอาจจะช่วยพวกท่านได้ "พระอาทิตย์จึงอาสาช่วยโดยการส่องแสงลงมายังแผ่นดินและผืนน้ำทำให้ระเหยกลายเป็นไอ ลอยไปรวมตัวกันเป็นก้อนเมฆลอยขึ้นไปบอกกล่าวกับท้องฟ้าเล่าเรื่องต่างๆเป็นรูปตามที่แผ่นดินและผืนน้ำได้เจอมา และบอกแผ่นดินและผืนน้ำคิดถึงมากอยากให้ท้องฟ้าลงมาสนิทแนบชิดเหมือนเมื่อก่อนท้องฟ้าได้รับรู้เรื่องราว ก็รู้สึกเสียใจแต่ก็กลับลงไปไม่ได้" ฉันกลับลงไปไม่ได้หรอก เพราะฉันเติบโตขึ้น และสูงขึ้นเกินไป ลงไปไม่ได้แล้วฉันได้แผ่ขยายตัวเองจนกว้างขวาง ที่ฉันทำได้ก็เพียงแต่เฝ้ามองดูอยู่ไกลๆ และโอบกอดแผ่นดินและผืนน้ำไว้อย่างอ่อนโยนเท่านั้น "และถึงแม้จะมีนกบินมาส่งข่าวแต่ฉันก็ยังคิดถึงแผ่นดินและผืนน้ำและอยากจะบอกทั้งสองว่า ฉันเองนั้นคิดถึงเพื่อนมากกมายเพียงใดก้อนเมฆก็ตอบว่า " อยู่บนนี้ก็เหงาๆเหมือนกัน บางที่ก็อยากจะกลับลงไปข้างล่างบ้าง "ท้องฟ้าเลยบอกกลับลงไปว่า" ฉันเหงาเหมือนกัน แต่ว่าฉันลงไปไม่ได้ แต่เจ้าลงไปได้นี่ ถ้าอย่างนั้นฉันจะส่งเจ้าลงไปและความคิดถึงของฉันก็หนักมากพอที่จะส่งพวกเจ้าลงไปหมดทั้งท้องฟ้าจากนั้นก้อนเมฆทั้งหมดก็รวมตัวกัน และรวมเข้ากับความคิดถึงอันมากมายของท้องฟ้าแล้วตกลงมาเป็นหยาดฝน ส่งผ่านความรัก ความคิดถึงลงมายังแผ่นดินและผืนน้ำจึงไม่แปลก ถ้าเมื่อใดที่ฝนตกแล้วเราจะรู้สึกคิดถึงคนที่เรารัก คนที่เราผูกพัน และบางครั้ง ท้องฟ้าก็ส่งความเหงาลงมาด้วย

วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...